…กว่าจะถึงวันนี้ (ของ”เรื่องเล่าจากนักเจาะโลก”)

ผมส่งต้นฉบับหนังสือเล่มหนึ่งที่เขียนเสร็จไปได้สักหนึ่งปีที่ผ่านมาให้กับสำนักพิมพ์ แล้วขั้นตอนหลังจากนั้นก็คือการตรวจแก้ไขต้นฉบับ การจัดหน้า พิสูจน์อักษร การทำปก การตรวจแก้ต้นฉบับ การแก้ไขคำผิด การตรวจแก้ต้นฉบับ…

ผมไม่ได้พิมพ์ผิดหรือว่าย้ำคิดย้ำทำหรอกนะครับ ขั้นตอนมันแค่วกๆ วนๆ อยู่กับการทำๆ แก้ๆ แก้ไขกันไปอยู่อย่างนี้จนกินเวลามาร่วมหนึ่งปี

ก็น่าคิดนะครับว่านับแต่วันที่ผมได้รับการติดต่อให้เป็นผู้เขียน (ในฐานะที่จะต้องมีชื่อลงบนปกหนังสือด้วย) นั้น ทำงาน เขียนเสร็จ ส่งงาน กระบวนการทั้งสิ้นก็เป็นเวลาประมาณสองปีผ่านมาพอดี

แท้จริงแล้ว เมื่อมันเสร็จออกมาเป็นรูปเป็นเล่มแล้วในวันนี้ มันกลับเป็นหนังสือเล่มเล็กๆ เล่มหนึ่งที่น่าดู น่าอ่าน ใช้ได้เลยทีเดียวครับ

จะเป็นอย่างไรลองดูภาพปกทั้งปกหน้าและปกหลัง ดังภาพนี้นะครับ

book

ปกหน้า

backปกหลัง

โจทย์ที่ผมได้รับจากทางสำนักพิมพ์ฯ นั้นคือให้เขียนเป็นสารคดีที่อ่านสนุก ยึดอยู่บนหลักการความเป็นจริงที่ได้จากการรวบรวมบทสัมภาษณ์บรรดาวิศวกรปิโตรเลียมและนักธรณีวิทยา (เหล่าคนค้นหาพลังงาน) โดยได้รับการสนับสนุนการทำงานและข้อมูลด้วยดีจากบริษัท ปตท. สผ.

น่าเหน็ดเหนื่อยและรู้สึกว่าเป็นโจทย์ที่จะต้อง “แบกโลก” แบกรับน่าดูครับ แต่เมื่อรับงานมาเขียนแล้วก็จะต้องตั้งใจทำและถ่ายทอดออกมาให้ดีที่สุด ให้น่าอ่านที่สุด

ผมวางตัวละครที่มีชื่อสมมติขึ้นมาเดินเรื่องและมีเนื้อหาของหนังสือเล่มนี้เอาไว้ทั้งหมด 13 บท จำนวน 200 หน้าพิมพ์ (ไม่นับรวมหน้าหลังๆ ที่เป็นภาคผนวก)

ไม่น่าเชื่อว่าจะมีวันนี้ของหนังสือ “เรื่องเล่าจากนักเจาะโลก” ที่มีรูปเล่มสวยงาม ภาพปกน่ารัก…ในที่สุด

ส่วนจะอ่านสนุก อ่านดี มีสีสัน (ตามที่ผมโฆษณาชวนให้เชื่อเอาไว้) เพียงใด ก็ฝากเป็นผลงาน (ที่กินเวลาในการผลิตเนิ่นนาน) ไว้ด้วยนะขอรับ

ชอบไม่ชอบ ผมก็หวังว่าจะได้รับความคิดเห็นจากคุณๆ ที่รักนักอ่านทั้งหลาย…

https://ittirit.wordpress.com/my-bookshelf/

หนึ่งความคิดบน “…กว่าจะถึงวันนี้ (ของ”เรื่องเล่าจากนักเจาะโลก”)

  1. ผมก็รอนานพอกันครับ ตั้งแต่วันสัมภาษณ์จนถึงวันที่หนังสืออก ขอบคุณทางทีมงานที่ส่งหนังสือมาให้ครับ(2 เล่ม) และผมก็ได้ฝากให้ที่ทำงานซื้อให้อีก 5 เล่มครับ จะเอาไปให้ห้องสมุดที่โรงเรียนเก่า

    มีตอนหนึ่งที่เกี่ยวการถูกส่งตัวไปแอลจีเรียและปาปัวร์ ที่ไม่ได้บอกล่วงหน้า ปรากฎว่ามันเป็นจริงแล้วครับ พึ่งถูกส่งตัวมาทำงานที่แอลจีเรียต้นเดือนกันยายนนี้เอง ส่วนสองคนที่เหลือไปทำที่ออสเตรเลีย(นักธรณีฟิสิกส์)และพม่า(วิศวกรปิโตรเลียม)ครับ

  2. ขอบคุณครับคุณ”ศักดิ์ศิริ” แหม มาเป็นนามแฝงเลยนะครับที่เข้ามาอ่านบล็อกแห่งนี้และซื้อหนังสือส่งกลับไปให้ห้องสมุดโรงเรียนเก่า ตอนนี้อยู่ตั้งแอลจีเรีย สนุกไหมครับกับประสบการณ์ใหม่ๆ อย่างนี้น่าทำเรื่องเล่านักเจาะโลกเล่มสองนะครับ (โดยใช้เวลาในการทำและออกหนังสือให้เร็วกว่าเดิม) โชคดีนะครับ

  3. มาอยู่ที่นี่ก็ดีครับ คุณอิท… ได้ประสบการณ์ใหม่ๆ เยอะ เล่าสามวันเจ็ดวันคงไม่จบ เป็นอะไรที่แตกต่างจากบ้านเรามาก ถ้าเทียบได้ก็คงจะใกล้เคียงกับสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ที่นี่เขาวางปืนมาพัฒนาประเทศร่วมกันแล้ว(ซัก 5 ปีที่แล้ว) ยังมีปัญหาอยู่บ้างทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ที่นี่จะมีด่านเยอะมากครับ มีที่ตรวจระเบิดด้วย(เป็นเหล็กชี้ๆ ตำรวจทหารจะถือไว้ตลอด) แต่ส่วนตัวก็ไม่ห่วงเท่าไหร่ เพราะที่ทำงานอยุ่ในโซนที่ปลอดภัย(สีลมบ้านเรา) ใกล้สถานทูต(ประเทศอื่นๆ) สถานทูตไทยไม่มีครับ(ดูแลโดยทูตไทยที่ฝรั่งเศส)
    เล่มนี้ผมว่าทำดีมากเลยครับ เล่มต่อๆ ไปคงไม่ดีเท่า แต่ผมว่าคงไม่มีแล้วละครับ บริษัทชอบเปลี่ยนรูปแบบประชาสัมพันธ์ไปเรื่อย ไม่แน่อาจจะมีหนังสือการ์ตูน…
    ขอให้คุณอิทสนุกกับงานเขียนนะครับ ถ้าได้อ่านทั้งเล่มแล้วจะมาเล่าให้ฟังอีกที ผมอ่านเฉพาะบทที่ผมเคยแก้ไข(เมื่อนานแล้ว)ก็สนุกมากเลยครับ

    • สวัสดีครับ ดีใจนะครับที่ได้รับรู้ข่าวคราวกันและได้รับฟังประสบการณ์ตรง สำหรับเล่ม “เรื่องเล่าจากนักเจาะโลก” ผมว่ากระบวนการทำงานเขาใช้เวลากันนานไปนิ้ดนะครับ (เพราะผมเขียนต้นฉบับเสร็จและส่งไปให้ทางสำนักพิมพ์นานมากแล้ว) และ ปตท. สผ. ก็ใช้เวลาตรวจสอบนานเกินไป (จนผมเบื่อจะรอ) ยังดีที่คุณยศศักดิ์ยังจำได้อยู่ว่าเคยพูดคุยอะไรกันไว้ เก็บประสบการณ์ดีๆ เผื่อด้วยนะครับ ว่างๆ ก็อีเมลมาพูดคุยกันนะครับ จะได้เขียนคุยกันยาวๆ (ดีเทลผมดูได้ที่หน้าแนะนำตัวนะครับ) ทำงานให้สนุกครับ!

      • สวัสดีอีกครั้งครับพี่อิท
        อยู่ที่นี่ก็มีแค่ที่บ้านกับที่ทำงานจริงๆ ครับ ดีหน่อยที่ผมชินกับการอยู่กับบ้านมาได้ระยะหนึ่งแล้ว(มีลูกเล็กสองคนไปไหนไม่ค่อยได้) ที่นี่วันหยุดก็ไม่รู้จะทำอะไรเหมือนกัน ก็เล่นเน็ต คุยกับที่บ้าน และอื่นๆ แต่ก็มีเวลาว่างเยอะ ที่คิดๆ ไว้ตอนนี้คือ จะเก็บรวบรวมเรื่องราวที่ผ่านมาในชีวิตของตัวเอง(ที่จริงเริ่มแล้วละ แต่เขียนเป็นภาษาอังกฤษ ประมาณฝึกฝีมือและภาษาไปในตัว)

        ผมมีเพื่อนคนหนึ่งจะแนะนำให้พี่รู้จักครับ ชื่อวงศ์วริศ ชื่อเล่นหลอด เป็นเพื่อนสมัยมัธยมของผมเอง ตอนเรียน..เก่งศิลปะมาก ได้รับรางวัลระดับภาคฯ ก็หลายครั้ง โดยเฉพาะงานสีน้ำ ลากๆ ก็สวยแล้ว แต่ตอนนี้ท่านไปจับด้านงานเขียนครับ ลองเข้าไปดูที่ลิ๊งค์ข้างล่างนะครับ และผมก็ส่งลิ๊งค์ของพี่อิทไปให้เขาด้วย

        http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=woangvaris&group=2

      • สวัสดีอีกครั้งครับ เวลาของที่นู่นต่างจากไทยแค่ไหนครับ แล้วตอนนี้ทำงานเป็นกะ หรือเวลายังไงครับ ผมแวะเข้าไปดูบล็อกของคุณหลอดมาแล้วล่ะครับ แต่หาไม่เจอว่าเขาเขียนหนังสือชื่อไร เล่มไหน วันนี้ไปงานมหกรรมหนังสือฯ ที่ศูนย์ฯ สิริกิติ์มาครับ ได้หนังสือมาหลายเล่มอยู่เหมือนกัน แต่ก็ค่อนข้างจะรู้สึกว่าหนังสือเล่มบ้านเรานั้นแพงมาก เขียนะนครับเขียน ภาษาอังกฤษก็ยิ่งดีจะได้โกอินเตอร์

ใส่ความเห็น