มือถือมือกด…ใจไปไหน

หลายสัปดาห์ก่อนผมได้รับโทรศัพท์มือถืออีกเครื่องหนึ่งมาเพราะการทำงาน ซึ่งจะต้องเริ่มใช้เบอร์ใหม่และบริการใหม่ๆ ที่ไม่เคยลองใช้จากเจ้าเครื่องใหม่ที่ได้มา ผมก็เลยมีอันจะต้องถือมือถือสองเครื่อง (พูดอย่างนี้แล้วเหมือนฟังดูจะไม่มีมือเหลือสักข้าง เพราะเอามือที่มีอยู่ทั้งหมดไปใช้ถือมือถือ)

พอใช้สมาร์ทโฟนต่างค่ายหลายเบอร์และต่างสมรรถนะ ผมก็เลยพลอยได้สังเกตว่าผู้คนรายรอบตัวในกรุงเทพฯ โดยเฉพาะคนที่เดินทางด้วยรถไฟฟ้าใต้ดินเพื่อเข้าทำงานตอนเช้าร่วมขบวนกับผมนั้นใช้มือถือพวกนี้กันมากและแต่ละคนยุ่งขิงกับการกดการดูการแชตกับเจ้าเครื่องนี้กันอย่างคร่ำเคร่งอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นหนุ่มสาวชาวออฟฟิศหรือบรรดานักเรียนนักศึกษาทั้งหลายก็ตาม

ยอมรับว่าเห็นคนใช้มันมากๆ เข้าก็ทำให้เบื่อหรือเกิดอาการเฝือขึ้นมาได้ง่ายๆ เหมือนกัน และในบางโอกาสผมยังนึกเบื่อหน่ายกับลีลาการกด การใช้งานโดยไม่คำนึงถึงกาละเทศะ ไม่ว่าในขบวนรถไฟจะคนแน่นเอียดแค่ไหนคุณทั่นคุณเธอก็ยังคงจะกดจะแชตอยู่ได้โดยไม่สนใจจะขยับตามให้คนอื่นๆ เข้ามาใช้งานด้วยได้ ทำให้ที่แคบๆ ที่มีอยู่ยิ่งดูน่าอึดอัดมากขึ้น

ไหนจะเวลาเดินเหินก็เอาแต่กดหรือดูหน้าจอจนลีลาการเดินดูสะเปะสะปะหรือสะดุดชนเข้ากับอะไรได้ง่ายๆ เหมือนไม่มีสติหรือไม่ระวัง

ยุคหนึ่งที่ผ่านมาไม่นานผมสังเกตว่าคนในกรุงเทพฯ ที่โดยสารรถไฟฟ้าใต้ดินนิยมเอาหูฟังขึ้นมาฟังเพลงหรือไม่ก็เสียบสมอลทอล์กหรือหูฟังเพื่อพูดคุยโทรศัพท์ จนดูเหมือนเฉยเมย ไม่สนใจหรือใส่ใจเสียงรอบข้าง แต่เดี๋ยวนี้ต้องทนฟังเสียงสัญญาณบีบีแชตหรือเสียงพูดคุยโทรศัพท์ดังลั่นแบบไม่สนใจใครทั้งในรถใต้ดินหรือในลิฟท์ พร้อมกับภาพของการก้มหน้าก้มตากดๆ ดูๆ ไม่ว่าจะกำลังเคลื่อนไหวไปมาอยู่ก็ตาม

เทคโนโลยีช่วยให้เรามีอะไรใช้กันง่ายขึ้น หรือทำอะไรที่ไม่จำเป็นกันอยู่ตลอดเวลา ด้วยความที่ไม่รู้ว่าสติสตังอยู่ตรงไหน เพราะเวลาที่มือกำลังกดๆ และสายตาจดจ้องอยู่นั้น ผมก็ไม่รู้ว่า “ใจ” ของพวกเราเอาไปไว้ที่ไหน คงหลงลืมคำว่าเอาใจใส่กันไปหมดแล้ว

(นอกเสียจากจะมีคนเอาคำว่า “เอาใจใส่” ไปสร้างไป App. แล้วเอามาขึ้นให้ดาวน์โหลดลงไว้กระมัง คนเราถึงจะรู้จักคำว่า “เอาใจใส่”)

ใส่ความเห็น